กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
การประชุมวิชาการ “43 ปี การศึกษาไทย ก้าวไกลด้วยพระเมตตา” การพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 21-22 ธันวาคม 2566 โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดการประชุม บรรยายพิเศษ “43 ปีบทเส้นทางการสร้างโอกาสทางการศึกษาเพื่อเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกกันดาร” พระราชทานเกียรติบัตรการประกวดแข่งขัน แนวปฏิบัติที่ดี และทอดพระเนตรนิทรรศการ ในวันที่ 22 ธันวาคม 2566 การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และเผยแพร่พระราชกรณียกิจด้านการศึกษาและพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารให้เป็นที่ประจักษ์อย่างกว้างขวาง ส่งเสริมพัฒนาแนวคิดการดำเนินงานตามพระราชดำริในสถานศึกษาตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารฯ และเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ระหว่างผู้ปฏิบัติงานโครงการตามพระราชดำริเพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางการพัฒนาให้เหมาะสมกับบริบทสถานศึกษา กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ สถานศึกษาในโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร หน่วยงานต้นสังกัด 7 หน่วยงาน และหน่วยงานสนับสนุน 11 หน่วยงานกรมอนามัย ในฐานะหน่วยงานสนับสนุน ได้เข้าร่วมจัดนิทรรศการนวัตกรรมการพัฒนา เด็กและเยาวชนตามพระราชดำริ ด้านโภชนาการและสุขภาพอนามัย จำนวน 2 เรื่อง ดังนี้1) แนวปฏิบัติการจัดการด้านสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม เรื่อง “โรงเรียนส่งเสริมสุขภาพระดับมาตรฐานสากล” โดย กองอนามัยวัยเรียนวัยรุ่น2) นวัตกรรมเด่นในพื้นที่ เรื่อง “Smart Novice Program การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อลดอ้วนในสามเณร” โดย ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ในการนี้ นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ ผู้ช่วยอธิบดีกรมอนามัยและผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ นายแพทย์มนัส รามเกียรติศักดิ์ ผู้อำนวยการกองอนามัยวัยเรียนวัยรุ่น นายแพทย์พีระยุทธ สานุกูล ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสุขภาพ แพทย์หญิงนางสาววิสารัตน์ ธีระโกเมน นายแพทย์ชำนาญการ สำนักโภชนาการ และคณะทำงานจากกองอนามัยวัยเรียนวัยรุ่น และศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ ได้เข้าร่วมรับเสด็จฯ เข้าร่วมประชุม และเผยแพร่ผลการดำเนินงาน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาและหน่วยงานที่สำหรับนำไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาด้านสุขภาพของเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งเป็นต้นทุนที่สำคัญของการศึกษาที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป
